จากกรณี ศิลปินสาวไต้หวัน อันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน เปิดเผยว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท ตอนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่กรุงเทวดา จากที่ได้พรีเซ็นท์ข่าวสารไปแล้วนั้นปัจจุบัน ที่ทำการเศรษฐกิจรวมทั้งวัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย กล่าวว่า ภายหลังจาก ที่ทำการเศรษฐกิจแล้วก็วัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย ทราบเรื่องดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว ที่ทำการฯ ได้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อทางการไทยขอให้ช่วยเหลือสำหรับเพื่อการสำรวจเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ที่ทำการฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวและก็ให้การช่วยเหลือตามควรชาร์ลีน อันที่ทำการฯ ขอขอบพระคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความใส่ใจกับสิทธิประโยชน์สำคัญของนักเดินทางชาวไต้หวัน เพราะเหตุว่าเรื่องราวนี้ยังอยู่ในตอนสืบสวน ทอันหยูชิงี่ทำการฯ จะเคารพนับถือความตั้งใจของนักเดินทางชาวไต้หวันรวมถึงวิธีการพิจารณาแล้วก็ผลของการวิเคราะห์ของตำรวจไทย
‘อันหยูชิง’ เปิดใจเล่าเรื่องกับ ตำรวจไทย ลั่นไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสี
อันหยูชิง เปิดใจเล่ากับ ตำรวจไทย ลั่นไม่ต้องการถูกปรักปรำ หวังเรื่องเลวร้ายอย่างนี้หายไป จะกลับไปเมืองไทยอีกอันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน ศิลปินสาวชาวไต้หวัน ให้สัมภาอันหยูชิงษณ์ สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีไทย เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ กับ ตำรวจไทย ความว่า การให้สัมภาษณ์คราวนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแส หรือกล่าวโทษตำรวจไทย แม้กระนั้นไม่ได้อยากถูกใส่ร้าย แม้ว่าจะทราบว่าในที่สุดหัวข้อนี้คงจะไม่มีทางชัดเจนอันหยูชิง ย้อนเล่าเรื่องในวันนั้นว่า ภายหลังท่องเที่ยวไนต์คลับ ไปกระทั่งจบเรื่องราวกับตำรวจ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ชาลีน อัน ปรับปรุงแก้ไขความเข้าใจผิด ที่สื่อบางสำนักแถลงการณ์ว่า คุณอยู่กับตำรวจเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยรู้สึกว่าสถานะการณ์เกิดขึ้นตอนตี 1 ถึงตี 3 ของวันที่ 5 เดือนมกราคมศิลปินสาวชาวไต้หวัน เล่าว่า ตอนพบด่านตำรวจ แล้วถูกตรวจกระเป๋า ได้ขอให้สหายบันทึกเหตุการณ์แต่ว่าถูกห้าม แล้วลบภาพแล้วก็วิดีโอออกไป โดยเพื่อนพ้องชาวประเทศสิงคโปร์ ที่เพียงพอทราบภาษาไทย ได้ไปคุยกับข้าราชการ แล้วกล่าวว่า ตำรวจปรารถนาเงิน 27,000 บาท กับนำยาสูบกระแสไฟฟ้ามายัดใส่มือคุณแล้วถ่ายภาพ ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่ให้ ส่วนตัวการันตีว่ามิได้เมา และไม่มียาสูบกระแสไฟฟ้าอยู่กับตัวเวลานี้ตำรวจให้พวกเราชำระเงิน แล้วหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด ข้อเท็จจริงเลยขึ้นกับว่าสังคมจะแปลความอย่างไร แต่ว่าเราทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ต้องการต่อสู้กับตำรวจไทยชาลีน อัน เผยอีกว่า ถ้าเกิดได้โอกาส จะกลับไปไทยอีกในอนาคต ฉันยังรักเมืองไทย ยังถูกใจหลายสิ่งหลายอย่างไทยมีสถานที่สวยเยอะมาก วัฒนธรรมมีคุณค่า และก็ของกินที่อร่อย แต่ว่าอาจไม่ใช่ตอนนั้น เพราะเหตุว่ายังกลัวโดยคุณรับรองว่า เป็นเพียงแต่นักเดินทางปกติ ที่ต้องการแบ่งปันเรื่องให้ทุกคนได้ใส่ใจว่ามีภยันตรายแบบงี้ พร้อมทั้งหวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะช่วยทำให้ไทยดียิ่งขึ้นได้ ช่วยเผยแพร่สิ่งที่คนเดินดินจะต้องพบเจอ แล้วก็หากเรื่องเลวร้ายอย่างงี้หายไป ฉันจะกลับไปไทยอีก
ไต้หวัน แถลง ยืนยันเคารพเจตจำนง ‘อันหยูชิง’ และผลการตรวจสอบของตำรวจไทย!
จากกรณี ศิลปินสาวไต้หวัน อันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน เปิดโปงว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท ตอนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่กรุงเทวดา ดังที่ได้เสนอข่าวสารไปแล้วนั้นปัจจุบัน ที่ทำการเศรษฐกิจแล้วก็วัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย บอกว่า ภายหลังจาก ที่ทไต้หวันำการเศรษฐกิจรวมทั้งวัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย ทราบเรื่องดังที่กล่าวถึงแล้ว ที่ทำการฯ ได้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อทางการไทยขอให้ช่วยเหลือสำหรับในการตรวจทานเรื่องดังที่กล่าวมาแล้ว ที่ทำการฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวพันและก็ให้การช่วยเหลือตามควรชาร์ลีน อันที่ทำการฯ ขอขอบคุณมากรัฐบาลไทยที่ให้ความเอาใจใส่กับสิทธิประโยชน์สำคัญของนักเดินทางชาวไต้หวัน เหตุเพราะสถานะการณ์นี้ยังอยู่ในตอนสืบสวน ที่ทำการฯ จะเคารพนับถือความตั้งใจของนักเดินทางชาวไต้หวันและก็กรรมวิธีวิเคราะห์แล้วก็ผลของการวิเคราะห์ของตำรวจไทย
ยูเนสโก ยกให้เมืองโอเดสซาของยูเครน เป็นแหล่งมรดกโลก
รัสเซีย ยูเครน : องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ชูให้เมืองโอเดสซาของยูเครน เป็นแหล่งมรดกโลกต้นเหตุของภาพ, Getty Imagesคำพรรณนาภาพ, อนุสาวรีย์ของดยุยงกที่รีเชอลีเยอ (Duke de Richelieu) ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองในต้นศตวรรษที่ 19 ถูกนำกระสอบทรายมาล้อมไว้เพวัฒนธรรมื่อคุ้มครองป้องกันความย่ำแย่ 26 เดือนมกราคม 2023องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ประกาศให้เมืองโอเดสซา เมืองท่าศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของยูเครน เป็นหลักที่มรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตรายองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ บอกว่า เมืองโอเดสซา เป็นหลักที่ที่มีคุณค่าตามหลักสากลอย่างสะดุดตา ช่วงเวลาที่รัสเซียวิภาควิจารณ์การประกาศนี้ว่า “มีสิ่งจูงใจทางด้านการเมือง”เมืองโอเดสซา ซึ่งได้นามสมมุติว่าเป็น “มุกที่สมุทรดำ” พบเจอการโจมีที่มาจากทางอากาศ รวมทั้งทิ้งระเบิดมาบ่อยครั้ง นับตั้งแต่รัสเซียส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อปีที่ผ่านมา ผู้อาศัยในเมืองโอเดสซา เพียรพยายามคุ้มครองปกป้องอนุสาวรีย์รวมทั้งอาคารตึกรามบ้านช่องของเมืองด้วยการนำกระสอบทรายมาล้อม เปลี่ยนเป็นภาพเชิงเครื่องหมายที่สำคัญหนึ่งรัสเซียรัวโจมตีเมืองโอเดสซา ด้านยูเครนกระหน่ำยิงเมลิโตโปลด้านใต้ของยูเครน เยอรมนีรับรองจะส่งรถถังเล็ปเพิร์ด 2 ให้ยูเครน ส่วนสหรัฐอเมริกา มีกล่าวว่าจะส่งรถถังเอ็ม1 เอบรามส์ ให้ รัสเซีย ยูเครน : ชายหนุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศหนีเข้าป่าเพราะเหตุว่าไม่ได้อยากถูกกฏเกณฑ์ไปสู้รบให้ปูติเตียนน ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าวภายหลังโหวตว่า การกำหนดให้เมืองนี้เป็นหลักที่มรดกโลก เป็นก้าวเข้าสู่ที่สำคัญ ต้นเหตุของภาพ, Getty Imagesคำพรรณนาภาพ, โรงแสดงละครโอเปราแล้วก็บัลเลต์วิชาการแห่งชาติโอเดสซา”ประการแรก เป็นประเด็นเชิงเครื่องหมาย ที่ชี้ว่าเมืองนี้เป็นมรดกของโลก มันทำให้พวกเราใส่ใจแล้วก็หนักใจถึงประเด็นนี้ ทำให้พวกเราทุกคนมองเห็นและก็รับทราบถึงประวัติศาสตร์แล้วก็คุโณปการในฐานะมรดกโลก” ผู้อำนวยการ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าวเหตุว่า การลงความเห็นคราวนี้ ยังหมายความถึงสมาชิกองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติทุกประเทศ รวมทั้งรัสเซีย มีภาระที่จะจำเป็นต้อง “ไม่เจตนาทำลาย” พื้นที่มรดกโลก ยิ่งกว่านั้น พื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองโอเดสซา ยังได้รับการขึ้นบัญชีในบัญชีของมรดกโลกที่กำลังมีอันตรายอีกด้วยผลจากการลงบัญชีดังที่กล่าวถึงแล้ว จะมีผลให้เมืองที่นี้เข้าถึงความช่วยเหลือเกื้อกูลด้านเทคนิคแล้วก็การคลัง ซึ่งยูเครนสามารถขอร้องการคุ้มครองป้องกันเงินทองได้ถ้าหากจำเป็นต้อง รวมทั้งการบูรณะเมืองให้กลับมาสู่ภาวะเดิมที่มาของภาพ, Getty Imagesผู้นำโอ้อวดโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ยินดีกับการลงความเห็นคราวนี้ เขากล่าวว่า “รู้สึกจับใจอย่างมากกับผู้ช่วยเหลือต่างๆที่ช่วยปกป้องรักษามุกของพวกเราจากการจู่โจมของรัสเซียผู้บุกรุก”รัสเซียพากเพียรยื้อการลงคะแนนออกไป โดยใส่ความยูเครนว่า กำลังทำลายอนุสาวรีย์ของตน ไม่ใช่ความสามารถของทหารรัสเซียรัฐมนตรีต่างถิ่นรัสเซีย ยังกล่าวโทษยูเครนว่า เอกสารที่ยูเครนยื่นต่อยูเนสโกนั้นไม่สมบูรณ์ และก็อ้างถึงว่า การโหวตอนุมัติโอเดสซาเป็นมรดกโลก เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันของชาติตะวันตก แล้วก็ “ลัดแนวทางการ””การเตรียมลงความเห็นเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยไม่นับถือถัดมาตรฐานอันเด่นขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติเลย” รัฐมนตรีว่าการ ต่างแดนรัสเซีย กำหนด เว้นแต่ข่าวดีของชาวยูเครนนี้แล้ว พื้นที่อีก 7 ที่ของยูเครน ยังได้รับใส่ให้เป็นหลักที่มรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติด้วย ยกตัวอย่างเช่น มหาวิหารเซนต์โซเฟียในกรุงเคียฟ รวมทั้งเมืองลวิฟ เมืองประวัติศาสตร์ในภาคตะวันตกของยูเครน เมื่อเดือน เดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา ทางการยูเครนกล่าวว่า รัสเซียใช้โดรนที่ทำขึ้นในประเทศอิหร่านจู่โจมส่วนประกอบเบื้องต้นที่สำคัญในเมืองท่าโอเดสซา”เหตุการณ์ในภูมิภาคโอเดสซากำลังเสื่อมโทรมมากมาย” ผู้นำโอ้อวดโลดีมีร์ กล่าวผ่านทางวิดีโอในตอนเวลาค่ำของวันที่มีการจู่โจม
‘อันหยูชิง’ เปิดใจเล่าเรื่องกับ ตำรวจไทย ลั่นไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสี
อันหยูชิง เปิดใจเล่ากับ ตำรวจไทย ลั่นไม่ได้อยากถูกปรักปรำ หวังเรื่องเลวร้ายแบบงี้หายไป จะกลับไปเมืองไทยอีกอันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน ศิลปินสาวชาวไต้หวัน ให้สัมภาษณ์ สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีไทย เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ กับ ตำรวจไทย ความว่า การให้สัมภาษณ์คราวนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแส หรือกล่าวร้ายตำรวจไทย แม้กระนั้นไม่ต้องการถูกกล่าวหา แม้ว่าจะรู้ดีว่าในที่สุดหัวข้อนี้อาจไม่มีทางแจ่มชัดอันหยูชิง ย้อนเล่าเรื่องราวในวันนั้นว่า ภายหลังท่องเที่ยวไนต์คลับ ไปจนถึงหมดเรื่องกับตำรวจ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ชาลีน อัน ปรับปรุงความเข้าใจผิด ที่สื่อบางสำนักแถลงการณ์ว่า คุณอยู่กับตำรวจเป็นเวลายาวนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีความคิดว่าเรื่องราวเกิดขึ้นตอนตี 1 ถึงตี 3 ของวันที่ 5 มกราคมศิลปินสาวชาวไต้หวัน เล่าว่า ตอนพบด่านตำรวจ แล้วถูกตรวจกระเป๋า ได้ขอให้เพื่อนพ้องบันทึกเหตุการณ์แต่ว่าถูกห้าม แล้วลบภาพแล้วก็วิดีโอออกไป โดยสหายชาวประเทศสิงคโปร์ ที่เพียงพอทราบภาษาไทย ได้ไปคุยกับข้าราชการ แล้วพูดว่า ตำรวจอยากเงิน 27,000 บาท พร้อมด้วยนำยาสูบกระแสไฟฟ้ามายัดใส่มือคุณแล้วถ่ายภาพ ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่ให้ ส่วนตัวการันตีว่ามิได้เมา และไม่มียาสูบกระแสไฟฟ้าอยู่กับตัวณ เวลานั้นตำรวจให้พวกเราชำระเงิน แล้วหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด เรื่องจริงเลยขึ้นกับว่าสังคมจะตีควชาร์ลีน อันามหมายอย่างไร แม้กระนั้นเราทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่อยากต่อสู้กับตำรวจไทยชาลีน อัน เผยอีกว่า ถ้าเกิดได้โอกาส จะกลับไปไทยอีกในอนาคต ฉันยังรักเมืองไทย ยังถูกใจหลายประเภทไทยมีสถานที่งดงามมาก วัฒนธรรมมีคุณค่า แล้วก็ของกินที่อร่อย แต่ว่าอาจจะไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะว่ายังกลัวโดยคุณการันตีว่า เป็นเพียงแค่นักเดินทางปกติ ที่ต้องการแบ่งปันเรื่องให้ทุกคนได้ใส่ใจว่ามีอันตรายอย่างงี้ กับหวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะช่วยทำให้ไทยดียิ่งขึ้นได้ ช่วยเผยแพร่สิ่งที่คนเดินดินจะต้องพบเจอ แล้วก็หากเรื่องเลวร้ายแบบงี้หายไป ฉันจะกลับไปไทยอีก
“ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากสู้กับตำรวจไทย”
“ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากสู้กับตำรวจไทย”Article informationAuthor, ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผลRole, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย31 มกราคม 2023ที่มาของภาพ, Tossapol Chaisamritpol / BBC Thaiคำบรรยายภาพ, อัน อวี๋ฉิง ดาราสาวไต้หวัน ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย โดยมี บก.บีบีซีจีน ช่วยแปลภาษาหญิงสาววัย 30 ปีเศษ นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมจัดท่วงท่าอย่างมั่นใจว่าขึ้นกล้องที่สุด เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาว ผมยาวสีดำขลับเสยไปด้านหลัง“สวัสดีค่ะ ฉันอัน อวี๋ฉิง หรือเรียกว่า ชาลีน อัน ก็ได้” เธอทักทายบีบีซีไทยด้วยภาษาไทย สำเนียงจีน แต่ตลอดบทสนทนา เป็นภาษาจีนกลางสำเนียงไต้หวันทั้งหมดเธอคือนักแสดงหญิงชาวไต้หวัน ที่กำลังเป็นข่าวในสังคมไทยมากที่สุดในเวลานี้ หลังการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ กลายเป็น “ประสบการณ์ที่เลวร้าย” เพราะเธอโพสต์เล่าว่า เจอด่านและถูกตำรวจไทย “รีดไถเงินกว่า 27,000 บาท” บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเช้าตรู่วันที่ 5 ม.ค. 2566 “ฉันออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแส หรือกล่าวหาว่าตำรวจไทยกระทำผิด ฉันแค่ไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสีอีกแล้ว” ชาลีน อัน กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกับบีบีซีผ่านโปรแกรมซูม“ฉันรู้ดีกว่า ท้ายสุด ความจริงของเรื่องนี้คงไม่มีวันกระจ่าง”สรุปดรามาดาราสาวไต้หวันถูกตำรวจรีดไถเงิน 27,000 บาท ประกาศ “ไม่เหยียบไทยอีก”ภาพเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร หลังนักท่องเที่ยวจีนแห่กลับมาเที่ยวแบบ VVIP : ปมจ้างตำรวจไทยนำขบวน นทท. จีน สะท้อนภาพปราบโกงล้มเหลวหรือไม่และนี่คือบทสัมภาษณ์พิเศษ ที่เธอประกาศว่าจะเป็น “ครั้งสุดท้าย” สำหรับประเด็นข่าวดังข้ามมหาสมุทร ที่เป็น “แผลใจ” ที่เธออยากให้ผ่านพ้นไปเสียทีบุหรี่ไฟฟ้า และกว่า 45 นาทีกับด่านตำรวจชาลีน อัน เริ่มด้วยด้วยการลำดับเวลาที่เธอเล่ามาแล้วหลายครั้ง แต่เธอระบุว่า ถูกสื่อบางสำนักและตำรวจ “บิดเบือนข้อมูล” จนทำให้หลายคนมองว่าเธอกำลังโกหก เรื่องมันเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 4 ม.ค. 2566 ที่เธอได้ไปเที่ยวไนต์คลับกับเพื่อนหลายคน “หลังจากเที่ยวไนต์คลับแล้ว ฉันช่วยเพื่อนเรียกรถแท็กซี่ก่อน ซึ่งจากช่วงที่รอรถ ไปจนสิ้นสุดเหตุการณ์กับตำรวจ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง” ชาลีน อัน แก้ไขความเข้าใจผิด ที่สื่อบางสำนักรายงานว่า เธออยู่กับตำรวจนานกว่า 2 ชั่วโมงเรื่องเวลาที่แน่ชัดนั้น เธอไม่ขอแสดงความเห็น เพราะเวลานั้น เธอมีเพียงโทรศัพท์มือถือ และไฟส่องสว่างบริเวณนั้นไม่มากนัก ทำให้กะเวลาไม่ได้ แต่คิดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเวลาตี 1 ถึงตี 3 ของวันที่ 5 ม.ค.ที่มาของภาพ, .คำบรรยายภาพ, ภาพที่สำนักข่าวหลายแห่งรายงานว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่ ชาลีน อัน บอกกับบีบีซีไทยว่า ตำรวจยัดบุหรี่ไฟฟ้าให้เธอ ก่อนบันทึกภาพ“เราเจอด่านตำรวจ ก้าวลงมาจากรถ แล้วถูกตำรวจตรวจกระเป๋า” เธอเล่าถึงข้อมูลที่เคยปรากฏในหน้าสื่ออยู่แล้ว แต่ยืนกรานว่า พยายามขอให้เพื่อนบันทึกการกระทำของตำรวจ แต่ถูกตำรวจเดินเข้ามาห้าม แล้วลบภาพและวิดีโอออกไป “เพื่อนของฉัน (คนสิงคโปร์) พอรู้ภาษาไทย เลยไปคุยกับตำรวจ ฉันอยู่ตรงนั้นตอลด แต่ฉันไม่ค่อยเข้าใจภาษา เพื่อนฉันบอกว่า ตำรวจต้องการเงิน 27,000 บาท” แต่สิ่งที่ ชาลีน อัน ไม่คาดคิดคือ ตำรวจนำบุหรี่ไฟฟ้ามายัดใส่มือเธอแล้วถ่ายรูป ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้เธอยังยืนกรานว่า “ฉันรู้ตัวดีว่าไม่ได้เมา และแน่นอนว่า ฉันไม่มีบุหรี่ไฟฟ้าอยู่กับตัวเวลานั้น คนอื่นมีหรือเปล่าฉันไม่รู้…แล้วฉันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้านั่นไม่ใช่ของฉัน เพราะตำรวจลบภาพและวิดีโอไปหมด”ก่อนที่ตำรวจจะปล่อยเธอและเพื่อนไป ได้ให้เหตุผลว่า เพราะพวกเธอดูไม่ใช่คนอันตราย “แต่ถ้าฉันไม่ใช่คนอันตราย ทำไมยื้อฉันไว้กว่า 45 นาที”“สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ คือ ฉันต้องให้ความร่วมมือ … เราอาจกระทำอะไรผิดพลาดไปโดยไม่ตั้งใจก็ได้ แต่ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยี ทำไมตำรวจไม่ใช้ Google Translate ช่วยแปลภาษา ทำไมไม่ออกใบสั่งมาอย่างถูกต้อง”“กลายเป็นว่าตำรวจให้เราจ่ายเงิน แล้วเลี่ยงกล้องวงจรปิดด้วย ความประเทศไทยจริงเลยขึ้นอยู่กับว่าสังคมจะตีความยังไง แต่พวกเราทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว”ส่วนภาพที่ปรากฏให้เห็นว่า เธอไปเดินตลาดกลางคืนแถวห้วยขวางต่อ หลังผ่านพ้นด่านตำรวจไปแล้วนั้น ชาลีน อัน อธิบายว่า พวกเธอวางแผนจะไปทานอาหารที่ร้านอาหารในแถบนั้นอยู่แล้ว และตลาดแห่งนั้นก็อยู่ใกล้กับร้านอาหารคำชี้แจงที่วกวนของตำรวจนับแต่โพสต์ของชาลีน อัน กลายเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทย ตำรวจไทยประกาศสอบสวน และออกมาแถลงข่าวชี้แจงหลายครั้ง โดยมีลำดับเวลา ดังนี้27 ม.ค. – พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ยืนกรานว่ามีการตั้งด่านจริง บริเวณหน้าสถานทูตจีน พร้อมชี้แจงว่า พบนักท่องเที่ยวต่างชาติพกบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่าผิดกฎหมาย แต่คุยไม่เข้าใจภาษา เพราะพูดภาษาจีน และมีการอัดเสียงไว้ แต่ยังหาไม่เจอ29 ม.ค. – พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนคบาล 1 (ผบก.น.1,) พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.ห้วยขวาง ร่วมแถลงข่าวกรณี ดาราสาวชาวไต้หวันอ้างว่า ถูกตำรวจตั้งด่านรีดทรัพย์ ตอนนี้ ได้สอบพยานไปแล้วกว่า 10 คน แต่ยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกร้บเงิน 30 ม.ค. – พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการด่วน ให้ ผบช.น.สั่งผกก.สน.ห้วยขวาง ไปช่วยราชการ ที่ไหน ??? หลังจากมีข้อมูลว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน พร้อมกำชับ น.1 ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญาในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกราย อย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง”30 ม.ค. – พล.ต.ต. นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. ปฏิบัติหน้าที่งานด้านจเรตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง 5 นายจาก 14 นายมาสอบปากคำ โดยปฏิเสธเรื่องรับเงิน แต่รายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่เปิดเผยขณะที่ บีบีซีไทยได้สอบถามสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ถึงความเห็นในเรื่องนี้ ได้รับการตอบกลับว่า”สำนักงานฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อทางการไทยขอให้ช่วยเหลือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว สำนักงานฯ ได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องและให้ความช่วยเหลือตามสมควร””สำนักงานฯ ขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับสิทธิประโยชน์สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน เนื่องจากเหตุการณ์นี้ยังอยู่ในช่วงสืบสวนสอบสวน สำนักงานฯ จะเคารพเจตจำนงของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน รวมทั้งกระบวนการตรวจสอบและผลการตรวจสอบของตำรวจไทย”ที่มาของภาพ, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์คำบรรยายภาพ, นายชูวิทย์ โทรสดถึงเพื่อนชาวสิงคโปร์ของชาลีน อัน ที่ยืนยันว่าเขาเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทให้ตำรวจจริงบีบีซีไทยเล่าถึงความคืบหน้าของประเด็นนี้ให้ ชาลีน อัน ฟังเพื่ออัพเดทสถานการณ์ โดยเธอกล่าวเพียงว่า “ฉันคิดว่าทุกคนมีคำตอบในใจแล้ว อยู่ที่ใครจะตัดสินอย่างไร “ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากต่อสู้กับตำรวจไทย” ชาลีน อัน กล่าวผ่านการสัมภาษณ์ทางไกลจะไม่กลับมาไทยอีกจริงหรือชาลีน อัน เคยโพสต์ข้อความที่ใช้ถ้อยคำเต็มไปด้วยความรู้สึกว่า “ไม่คิดเลยว่า ไปเที่ยวปีใหม่ที่ไทยหวังเจอประสบการณ์ดี ๆ แต่กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและน่ากลัวที่สุดในชีวิต และฉันจะไม่ไปเหยียบเมืองไทยอีก” และ “ลาก่อน กรุงเทพห่วย ๆ” บีบีซีไทยสอบถามเธอว่า จะไม่กลับมาประเทศไทยอีกจริงหรือ, ชาลีน อัน ตอบว่า ตอนที่กล่าวว่า “จะไม่เหยียบไทยอีก” คือความรู้สึกหลังผ่าน “สิ่งเวลาร้ายมา” แต่ตอนที่โพสต์นั้นถึงเวลานี้ ได้ผ่านผ่านมาเกือบเดือนแล้ว “พอมาทบทวนตัวเอง ฉันคิดว่าฉันคงเคยทำกรรมมา เลยต้องมาเจออะไรแบบนี้” ชาลีน อัน เล่า พลางกุมมือขึ้นกลางอก “ถ้ามีโอกาส ฉันจะกลับไปไทยอีกในอนาคต”ที่มาของภาพ, Chalene An คำบรรยายภาพ, ชาลีน อัน เคยประกาศว่า “จะไม่เหยียบไทยอีก” “ฉันยังรักประเทศไทย… ฉันยังชอบหลายอย่างในไทย ไทยมีสถานที่สวยงามมากมาย วัฒนธรรมทรงคุณค่า และอาหารที่อร่อย”แต่เธอย้ำว่า ในเวลานี้ คงยังไม่กลับมาไทย เพราะ “ฉันกลัว ฉันกลับมาไต้หวันได้อย่างปลอดภัย แล้วถ้าให้กลับไปไทยแล้วเจออะไรแบบนี้อีก ฉันก็กลัว”นักท่องเที่ยวคนธรรมดาตลอดการสัมภาษณ์นานกว่า 30 นาที ชาลีน อัน ย้ำกับบีบีซีไทยตลอดว่า เธอเป็นเพียง “นักท่องเที่ยวธรรมดา” คนหนึ่ง ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ที่แปลกประหลาดและเลวร้ายสำหรับตัวเธอ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติคนอื่น ๆ ที่เดินทางไปประเทศไทย โดยเฉพาะคนเอเชีย และคนที่พูดภาษาจีนกลางเป็นหลัก “ฉันอยากแบ่งปันเรื่องราวของฉัน ทุกคนจะได้ตระหนักว่ามีภัยอันตรายแบบนี… ฉันก็แค่คนธรรมดา ฉันต่อสู้รัฐบาลหรือประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ได้ ฉันแค่นักท่องเที่ยวที่อยากบอกเล่าเรื่องที่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”ดาราสาวชาวไต้หวันยังเชื่อว่า เธอเป็นเพียงหนึ่งใน “เหยื่อ” เพราะเชื่อว่า มีคนไทยและชาวต่างชาติอีกจำนวนมาก ที่เผชิญเรื่องราวที่เลวร้ายเหมือนกับเธอ ที่มาของภาพ, Chalene Anคำบรรยายภาพ, “หวังว่าเรื่องราวของฉันช่วยให้ไทยดีขึ้นได้ ช่วยตีแผ่สิ่งที่คนธรรมดาต้องเผชิญ” ชาลีน อันอีกปัจจัยที่เธอคิดว่าทำให้คนไทยสนใจกับโพสต์แบ่งปันประสบการณ์ของเธอ คือ กรณีข่าวนักท่องเที่ยวหญิงจีน “เที่ยวไทยแบบ VVIP”“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ มีข่าวนักท่องเที่ยวจีนจ่ายเงินใช้บริการรถตำรวจไทยได้ แล้วก็มาเกิดเรื่องของฉันอีก”กรณีเที่ยวไทยแบบ “VVIP” คือ ปมจ้างตำรวจนำขบวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางจากสนามบินถึงที่พัก ที่ต้นตอมาจากนักท่องเที่ยวสาวจีนที่โพสต์คลิปดังกล่าวลงใน Douyin หรือ ติ๊กต่อก ในประเทศจีนคลิปดังกล่าวมีความยาวราว 2 นาที นักท่องเที่ยวสาวชาวจีน อธิบายการทดสอบใช้บริการตำรวจไทยว่าใช้เงินซื้อได้ทุกอย่างตามคำร่ำลือจริงหรือไม่ ในคลิปดังกล่าวยังมีภาพตำรวจไปรับถึงประตูเครื่องบิน เดินนำทาง ยกกระเป๋า เปิดประตูรถให้ ขับรถนำเปิดไฟฉุกเฉินไซเรน ในรูปแบบการบริการแตกต่างตามลักษณะพาหนะนำขบวน เช่น หากเป็นรถจักรยานยนต์สนนราคา 6,000 บาท และหากเป็นรถยนต์ราคาอยู่ที่ 7,000 บาทสำหรับชาลีน อัน แล้ว ความสนใจในเรื่องราวของเธอ ไม่ใช่เรื่องที่เธอภาคภูมิใจ เพราะการต้องพูดถึงประสบการณ์อันเลวร้าย “ซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งทำให้บาดแผลในใจฝังลึก” แต่ถ้าเรื่องราวของเธอจะช่วยตีแผ่ปัญหานี้ และเป็นอุทาหรณ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติระมัดระวังตัวมากขึ้น, ชาลีน อัน ก็ดีใจ“หวังว่าเรื่องราวของฉันช่วยให้ไทยดีขึ้นได้ ช่วยตีแผ่สิ่งที่คนธรรมดาต้องเผชิญ” และ “ถ้าสิ่งเลวร้ายแบบนี้หายไป ฉันจะกลับไปไทยอีก”
ไต้หวัน แถลง ยืนยันเคารพเจตจำนง ‘อันหยูชิง’ และผลการตรวจสอบของตำรวจไทย!
จากกรณี ศิลปินสาวไต้หวัน อันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน เปิดโปงว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท ตอนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่กรุงเทวดา จากที่ได้พรีเซ็นท์ข่าวสารไปแล้วนั้นปัจจุบัน ที่ทำการเศรษฐกิจรวมทั้งวัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย บอกว่า ภายหลัง ที่ทำการเศรษฐกิจและก็วัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย ทราบเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ที่ทำการฯ ได้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อทางการไทยขอให้ช่วยเหลือสำหรับการสำรวจเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ที่ทำการฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวพันรวมทั้งให้การช่วยเหลือตามควรชาร์ลีน อันที่ทำการฯ ขอขอบคุณมากรัฐบาลไทยที่ให้ความใส่ใจกับสิทธิประโยชน์สำคัญของนักเดินทางชาวไต้หวัน เพราะว่าสถานะการณ์นี้ยังอยู่ในตอนสอบสวนสืบสวน ที่ทำการฯ จะยกย่องความมุ่งมั่นตั้งไต้หวันใจของนักเดินทางชาวไต้หวันแล้วก็ขั้นตอนวิเคราะห์รวมทั้งผลของการตรวจทานของตำรวจไทย
‘อันหยูชิง’ เปิดใจเล่าเรื่องกับ ตำรวจไทย ลั่นไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสี
อันหยูชิง เปิดใจเล่ากับ ตำรวจไทย ลั่นไม่ได้อยากถูกใส่ความ หวังเรื่องเลวร้ายแบบงี้หายไป จะกลับไปเมืองไทยอีกอันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน ศิลปินสาวชาวไต้หวัน ให้สัมภาษณ์ สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีไทย เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ กับ ตำรวจไทย ความว่า การให้สัมภาษณ์คราวนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแส หรือกล่าวร้ายตำรวจไทย แม้กระนั้นไม่ต้องการที่จะอยากถูกยัดเยียดข้อหา แม้ว่าจะรู้ดีว่าสุดท้ายหัวข้อนี้คงจะไม่มีทางแจ้งชัดอันหยูชิง ย้อนเล่าเหตุในวันนั้นว่า ภายหลังท่องเที่ยวไนต์คลับ ไปกระทั่งจบเหตุกับตำรวจ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ชาลีน อัน ปรับแต่งความเข้าใจผิด ที่สื่อบางสำนักกล่าวว่า คุณอยู่กับตำรวจยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีความคิดว่าสถานะการณ์เกิดขึ้นตอนตี 1 ถึงตี 3 ของวันที่ 5 มกราคมศิลปินสาวชาวไต้หวัน เล่าว่า ตอนพบด่านตำรวจ แล้วถูกตรวจกระเป๋า ได้ขอให้เพื่อนพ้องบันทึกเหตุการณ์แต่ว่าถูกห้าม แล้วลบภาพรวมทั้งวิดีโอออกไป โดยเพื่อนฝูงชาวประเทศสิงคโปร์ ที่เพียงพอทราบภาษาไทย ได้ไปคุยกับข้าราชการ แล้วพูดว่า ตำรวจอยากได้เงิน 27,000 บาท พร้อมด้วยนำยาสูบกระแสไฟฟ้ามายัดใส่มือคุณแล้วถ่ายภาพ ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่ให้ ส่วนตัวรับรองว่ามิได้เมา และไม่มียาสูบกระแสไฟฟ้าอยู่กับตัวเวลานี้ตำรวจให้พวกเราชำระเงิน แล้วหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด ความเป็นจริงเลยขตำรวจึ้นกับว่าสังคมจะแปลความหมายอย่างไร แต่ว่าเราทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่อยากต่อสู้กับตำรวจไทยชาลีน อัน เผยอีกว่า ถ้าหากได้โอกาส จะกลับไปไทยอีกในอนาคต ฉันยังรักเมืองไทย ยังถูกใจหลายแบบไทยมีสถานที่สวยสดงดงามเยอะมาก วัฒนธรรมมีคุณค่า รวมทั้งของกินที่อร่อย แม้กระนั้นอาจไม่ใช่ปัจจุบันนี้ ด้วยเหตุว่ายังกลัวโดยคุณการันตีว่า เป็นเพียงแต่นักเดินทางปกติ ที่ต้องการแบ่งปันเรื่องให้ทุกคนได้ใส่ใจว่ามีภยันตรายอย่างงี้ พร้อมทั้งหวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะช่วยทำให้ไทยดียิ่งขึ้นได้ ช่วยเผยสิ่งที่คนเดินดินจำต้องพบเจอ แล้วก็หากเรื่องเลวร้ายแบบงี้หายไป ฉันจะกลับไปไทยอีก
ไต้หวัน แถลง ยืนยันเคารพเจตจำนง ‘อันหยูชิง’ และผลการตรวจสอบของตำรวจไทย!
จากกรณี ศิลปินสาวไต้หวัน อันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน เปิดโปงว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท ตอนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่กรุงเทวดา จากที่ได้เสนอข่าวสารไปแล้วนั้นปัจจุบัน ที่ทำการเศรษฐกิจและก็วัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย กล่าวว่า ภายหลัง ที่ทำการเศรษฐกิจรวมทั้งวัฒนธรรมไทเป ประจำเมืองไทย ทราบเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ที่ทำกตำรวจารฯ ได้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อทางการไทยขอให้ช่วยเหลือสำหรับเพื่อการสำรวจเรื่องดังที่กล่าวมาแล้ว ที่ทำการฯ ได้ประสานงานกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวแล้วก็ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลตามควรชาร์ลีน อันที่ทำการฯ ขอขอบพระคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความใส่ใจกับสิทธิประโยชน์สำคัญของนักเดินทางชาวไต้หวัน เพราะเหตุว่าเหตุนี้ยังอยู่ในตอนสืบสวน ที่ทำการฯ จะยกย่องความมุ่งหมายของนักเดินทางชาวไต้หวันแล้วก็ขั้นตอนการตรวจดูรวมทั้งผลของการตรวจทานของตำรวจไทย
‘อันหยูชิง’ เปิดใจเล่าเรื่องกับ ตำรวจไทย ลั่นไม่อยากถูกใส่ร้ายป้ายสี
อันหยูชิง เปิดใจเล่ากับ ตำรวจไทย ลั่นไม่ต้องการถูกกล่าวหา หวังเรื่องเลวร้ายอย่างนี้หายไป จะกลับไปเมืองไทยอีกอันหยูชิง หรือ ชาร์ลีน อัน ศิลปินสาวชาวไต้หวัน ให้สัมภาษณ์ สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีไทย เปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างคุณ กับ ตำรวจไทย ความว่า การให้สัมภาษณ์คราวนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างกระแส หรือกล่าวร้ายตำรวจไทย แม้กระนั้นไม่ต้องการที่จะอยากถูกใส่ความ แม้ว่าจะรู้ดีว่าในที่สุดหัวข้อนี้คงจะไม่มีทางแน่ชัดอันหยูชิง ย้อนเล่าเรื่องราวในวันนั้นว่า ภายหลังท่องเที่ยวไนต์คลับ ไปจนกระทั่งจบเรื่องราวกับตำรวจ ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ชาลีน อัน ปรับแต่งความเข้าใจผิด ที่สื่อบางสำนักแถลงการณ์ว่า คุณอยู่กับตำรวจยาวนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีความรู้สึกว่าเรื่องเกิดขึ้นตอนตี 1 ถึงตี 3 ของวันที่ 5 เดือนมกราคมศิลปินสาวชาวไต้หวัน เล่าว่า ตอนพบด่านตำรวจ แล้วถูกตรวจกระเป๋า ได้ขอให้สหายบันทึกเหตุการณ์แต่ว่าถูกห้าม แล้วลบภาพและก็วิดีโอออกไป โดยเพื่อนพ้องชาวประเทศสิงคโปร์ ที่พอเพียงทราบภาษาไทย ได้ไปคุยกับข้าราชการ แล้วพูดว่า ตำรวจอยากได้เงิน 27,000 บาท กับนำยาสูบกระแสไฟฟ้ามายัดใส่มือคุณแล้วถ่ายภาพ ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่ให้ ส่วนตัวรับรองว่ามิได้เมา และไม่มียาสูบกระแสไฟฟ้าอยู่ไต้หวันกับตัวในขณะนั้นตำรวจให้พวกเราชำระเงิน แล้วหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด ข้อเท็จจริงเลยขึ้นกับว่าสังคมจะตีความหมายอย่างไร แม้กระนั้นเราทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากต้องการต่อสู้กับตำรวจไทยชาลีน อัน เผยอีกว่า ถ้าหากได้โอกาส จะกลับไปไทยอีกในอนาคต ฉันยังรักเมืองไทย ยังถูกใจหลายแบบไทยมีสถานที่งดงามจำนวนมาก วัฒนธรรมมีคุณค่า แล้วก็ของกินที่อร่อย แม้กระนั้นคงจะไม่ใช่ตอนนี้ ด้วยเหตุว่ายังกลัวโดยคุณรับรองว่า เป็นเพียงแต่นักเดินทางปกติ ที่ต้องการแบ่งปันเรื่องให้ทุกคนได้ใส่ใจว่ามีภยันตรายอย่างงี้ พร้อมทั้งหวังว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะช่วยทำให้ไทยดียิ่งขึ้นได้ ช่วยเผยสิ่งที่คนเดินดินจำเป็นต้องพบเจอ และก็หากเรื่องเลวร้ายอย่างนี้หายไป ฉันจะกลับไปไทยอีก